SCB EIC วิเคราะห์ปัจจัยสำคัญต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก : นัยต่อค่าเงินบาทและอัตราดอกเบี้ยไทยปี 2020

ผู้เขียน: ดร. กำพล อดิเรกสมบัติ, วชิรวัฒน์ บานชื่น, พงศกร ศรีสกาวกุล และ มณฑล วานิชประเสริฐพร

  • EIC ประเมิน 3 ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกในช่วงที่เหลือของปี 2020 คือ 1) มาตรการปิดเมืองในหลายประเทศกลับมาเข้มงวดขึ้นอีกครั้งตามการระบาดซ้ำของ COVID-19 2) มาตรการสนับสนุนของภาครัฐในหลายประเทศที่กำลังจะหมดอายุลง (policy cliff) ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไปและ 3) การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านภาษี ด้านการค้าระหว่างประเทศ และด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
  • ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดการเงินข้างต้น EIC จึงปรับประมาณการและมุมมองต่อตลาดการเงินดังนี้ เงินบาท ณ สิ้นปี 2020 มีแนวโน้มแข็งค่าจากระดับปัจจุบันมาอยู่ที่กรอบ 30.5-31.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนค่าเพิ่มเติมได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เงินทุนเคลื่อนย้ายมีแน้วโน้มไหลเข้าตลาด EM และ ธปท. มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับข้อจำกัดในการดูแลค่าเงินบาทมากขึ้นจากความเสี่ยงที่จะถูกทางการสหรัฐฯ จัดให้อยู่ในกลุ่ม monitoring list ของกลุ่มประเทศ currency manipulator อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากการขายทองคำในช่วงที่ราคาปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี เงินบาทจะไม่แข็งค่าขึ้นมาก เนื่องจากดุลบัญชีเดินสะพัดไทยมีแนวโน้มเกินดุลลดลงอย่างมีนัย
  • คาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นอายุ 1 ปี ณ สิ้นปี 2020 จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 0.5-0.6% ตามแนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและไทย และปรับประมาณการอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาวอายุ 10 ปี ณ สิ้นปี 2020 มาอยู่ที่ 1.30-1.40% เนื่องจาก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาว มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังภาครัฐอาจหันมาระดมทุนผ่านพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวมากขึ้นในระยะต่อไป และภาวะเศรษฐกิจไทยที่จะหดตัวน้อยลงในช่วงครึ่งหลังของปีทำให้นักลงทุนอาจทยอยโยกย้ายการลงทุนออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย
  • รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.scbeic.com/th/detail/product/6974