Generative AI คืออะไร? ต่างกับ AI ที่อยู่ในตู้เย็น โทรทัศน์ หรือมือถือเราอย่างไร?…..จะทำให้คนตกงานมากแค่ไหน? ……จะทำลายมนุษยชาติเปล่า? เป็นคำถามที่อยู่ในใจใครหลายคน และก่อนที่คำถามนี้จะทำให้เกิดอาการกลัว และตกใจไปมากกว่านี้ ลองถามตัวเองว่า…
เราเข้าใจ A.I.ดีขนาดไหน?
จากงาน World Economic Forum เมื่อต้นปี 2023 ในวงสัมมนาเรื่อง GENERATIVE AI ได้มีการแสดงความคิดเห็น ข้อสังเกต และความกังวลต่าง ๆ เกี่ยวกับพัฒนาการของ AI จากบุคคลที่มาจากหลายภาคส่วน เช่น ภาครัฐมีความกังวลเรื่องจริยธรรมที่เกิดจากความลำเอียงของชุดข้อมูลที่ใช้ฝึกสอน AI ภาคการศึกษาที่นักเรียนเริ่มใช้ AI ทำการบ้านแทนทำให้การวัดผลการศึกษาเกิดความไม่เที่ยงตรงและส่งผลให้เกิดความเหลี่อมล้ำได้ ภาคศิลปะ AI จะเป็นโอกาสสำหรับศิลปินทุกประเภทในการรังสรรค์ศิลปะใหม่ ๆ โดยตีกรอบความคิด จินตนาการ และสมมุติฐานเดิม ๆ ของมนุษย์ และยังจะสร้างสัมผัสใหม่ ๆ นอกจากรูปและเสียง เช่น กลิ่น รส อารมณ์ ความรู้สึกจากการสัมผัส เป็นต้น
ทั้งนี้ มีประเด็นจากภาครัฐที่ผู้เขียนคิดว่ามีความสำคัญที่ควรพิจารณาคือ หากเราจะนำมาใช้ทำงานที่สำคัญหลาย ๆ อย่างในอนาคต ต้องทำความเข้าใจ AI อย่างถูกต้อง ไม่ใช่แค่เพียงแค่ว่า AI คืออะไร แต่ควรเข้าใจกลไกการทำงานของเทคโนโลยีนี้ด้วย
Artificial Intelligence (AI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ โดยสรุปแล้วคือ โปรแกรมที่พัฒนาให้สามารถคิดวิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจได้คล้ายมนุษย์ โดยอาศัยฐานข้อมูลขนาดใหญ่เป็นข้อมูลในการเรียนรู้ เพราะการมีข้อมูลยิ่งมากและหลากหลายก็จะเพิ่มความฉลาด ปัจจุบัน AI ที่เราใช้งานเกือบทั้งหมดเป็นปัญญาประดิษฐ์เชิงแคบ (Narrow AI) คือ AI ที่มีสามารถทำงานได้เฉพาะเรื่องเท่านั้น เช่น AI แต่งรูปสวย ๆ ในมือถือ หรือ AI เลือกหนังที่ถูกใจในแอปสตรีมมิ่งที่เราใช้ เป็นต้น
แล้ว Generative A.I. ต่างจาก A.I. ดั้งเดิมอย่างไร?
Generative AI เป็น AI เฉพาะด้านที่เก่งในเรื่องการสร้างเนื้อหาขึ้นมาใหม่ เช่น รูปภาพ, เสียง, บทความ เป็นต้น ต่างจาก AI ดั้งเดิมที่จะเก่งในเรื่องการจดจำรูปแบบและทำนายผล เช่น การจดจำใบหน้า หรือแยกอีเมลขยะ เป็นต้น เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นจะพาไปรู้จัก Generative AI ที่กำลังเป็นที่ฮือฮาและวิธีการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือเหล่านี้
ChatGPT
ChatGPT มาจาก “Chat” + “Generative Pre-training Transformer” พัฒนาโดยบริษัท OpenAI เป็นแชทบอทที่ตอบคำถามในลักษณะบทสนทนาที่เป็นภาษาธรรมชาติเหมือนมนุษย์ ต่างจากการค้นหาในกูเกิล ที่เราต้องสกัดหาคำตอบเองจากเว็บไซต์ที่กูเกิลเลือกมาให้ ทั้งนี้ สำหรับอาชีพโปรแกรมเมอร์ ChatGPT ยังสามารถช่วยเขียนโปรแกรมในหลาย ๆ ภาษาได้อีกด้วย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคำถามที่มีคำตอบเพราะ ChatGPT เป็น AI ที่เรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาลที่รวบรวมจากอินเทอร์เน็ต หนังสือ และแหล่งข้อมูลอื่น ๆ จนถึงกันยายนปี 2021 เท่านั้น หากเราถามอะไรที่เป็นปัจจุบัน ChatGPT จะไม่สามารถให้คำตอบได้
อย่างไรก็ตาม ประโยชน์จากการใช้งานจริง ๆ คงเป็นการใช้ถามคำถามที่เป็นความรู้ทั่ว ๆไป เช่นเราลองถามว่า “UFO มีจริงไหม?” เราก็จะได้คำตอบที่เป็นข้อเท็จจริง ความเห็นจากการสำรวจ รวมทั้งบทสรุปของคำตอบให้เราอีกด้วย ซึ่ง ChatGPT เข้าใจภาษามากกว่า 95 ภาษา รวมถึงภาษาไทยด้วย ด้วยความสามารถที่ตอบคำถามได้เหมือนมนุษย์และกำหนดสไตล์ของคำตอบได้ เครื่องมือนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อคนที่มีอาชีพเกี่ยวกับงานเขียนไม่ว่าจะเป็นนักเขียนคำโฆษณา นักเขียนบทความ หรือกระทั่งโปรแกรมเมอร์ ที่เพียงบอกผลลัพธ์และภาษาที่อยากได้ แต่ในข้อดีก็มีข้อน่ากังวล ที่กลายมาเป็นคำถามมากมาย เช่น นักเรียนใช้ ChatGPT ทำการบ้านให้ จะส่งผลกระทบต่อการวัดผลทางการศึกษามากน้อยเช่นไร? นักวิจัยที่ใช้ ChatGPT ช่วยเขียนวิทยานิพนธ์หรือผลงานตีพิมพ์จะทำให้วงการวิชาการน่าเชื่อถือน้อยลงมากไหม? นักเขียนมือใหม่ใช้ ChatGPT แต่งนิยายขายลิขสิทธิ์และรายได้ควรตกเป็นของใคร?
นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ว่า ถึงแม้ ChatGPT จะทำให้การจ้างงานบางตำแหน่งลดลง นอกจากนี้ ในสายงานเดียวกันก็จะมีสายงานและอาชีพใหม่ขึ้นมาแทน เช่น งานพัฒนาโซลูชั่น หรืองานควบคุม AI เป็นต้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Microsoft ได้เข้าซื้อหุ้น 49% ของ OpenAI เพื่อนำเทคโนโลยี ChatGPT มาเพิ่มความสามารถของผลิตภัณฑ์และบริการ เช่น Microsoft Teams ที่เพิ่มฟีเจอร์ถอดและสรุปประชุม (Intelligent Recap) และการแปลภาษารวมกว่า 40 ภาษาแบบเรียลไทม์ (Live Translations) ล่าสุด Google เปิดตัว Bard AI ที่มีการทำงานเช่นเดียวกับ ChatGPT แต่ใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลเว็บไซต์ในปัจจุบันทั้งหมด ส่วน Baidu จากฝั่งจีนก็ไม่น้อยหน้า เตรียมเปิดตัว Ernie ในเดือนมีนาคมนี้
มาถึงบรรทัดนี้จะเห็นได้ว่า AI เก่งในการสร้างข้อความและบทความใหม่ ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อย ในตอนต่อไปจะขอนำเสนอ AI ที่เก่งในการสร้างภาพขึ้นมาใหม่ว่าจะเหมือนจริงแค่ไหน