ตลาดขนมขบเคี้ยวทั่วโลกมุ่งเน้นตอบโจทย์สุขภาพผู้บริโภค

ขนม หรือ ของขบเคี้ยว เป็นอาหารที่แสนวิเศษสำหรับใครหลาย ๆ คน ถึงขนาดใช้บริโภคแทนอาหารมื้อหลัก ๆ กันเลยทีเดียวทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ขนม หรือของขบเคี้ยว เป็นตลาดที่ใหญ่มาก และมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นช็อคโกแลต หมากฝรั่ง เยลลี่ ท๊อฟฟี่ คาราเมล ตังเม และขนมหวาน  ด้วยเพราะเป็นที่โปรดปรานของทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยชรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์โควิด-19 ที่คนส่วนใหญ่ต้องทำงานที่บ้าน ทำให้ปริมาณการบริโภคขนมขบเคี้ยวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เพราะรับประทานง่ายและสะดวก

จากปริมาณการบริโภคที่เพิ่มขึ้นพร้อม ๆ ไปกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยในเรื่องของสุขภาพ ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับปรุงผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และกระตุ้นให้เกิดขนมที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์    

ในอดีต กลยุทธ์ทางการตลาดและการส่งเสริมการขายต่าง ๆ ของผู้เล่นในตลาดหลักก็มีบทบาทสำคัญทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น Dairy Milk ในประเทศอินเดียที่ได้ปรับเปลี่ยนแหน่งตัวเองเป็นผลิตภัณฑ์ของขวัญ ส่งผลให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ของขวัญที่กำลังได้รับความนิยมในอินเดีย 

นอกจากนี้ การบริโภคขนมขบเคี้ยวในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่กับเด็ก ๆ เท่านั้น ผู้ประกอบการจึงปรับกลยุทธ์ทำการตลาดเชิงรุก โดยได้กำหนดเป้าหมายไปที่ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุมากขึ้น ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อและเป็นกลุ่มที่ขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม ตลาดขนมขบเคี้ยวมีโจทย์และความท้าทายอยู่ที่ปัญหาสุขภาพทั้งในผู้บริโภคเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งพบว่า ทั้งเด็กเป็นโรคอ้วนและโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นในเด็ก  ผู้บริโภคจึงมองหาขนมขบเคี้ยวที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ  จากจุดนี้เองทำให้ผู้ประกอบการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ โดยปรับส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพ เช่น  เลือกใช้สารทดแทนความหวานแทนน้ำตาล  และพัฒนาการผลิตขนมขบเคี้ยวที่มีแคลอรี่ต่ำ  

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Euromonitor คาดการณ์ว่ายอดขายดาร์กช็อกโกแลตจะสูงกว่าช็อกโกแลตปกติ 3.51% ในปีหน้า การเปลี่ยนแปลงนี้ได้รับแรงผลักดันจากผู้บริโภคที่ก้าวไปสู่วิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี เพราะดาร์กช็อกโกแลตมีประโยชน์ต่อสุขภาพและคุณค่าทางโภชนาการ 

ทั้งนี้ ผู้ผลิตกำลังทดลองนำส่วนผสมจากผลไม้และถั่วที่มีรสหวานมาใช้แทนน้ำตาล รวมทั้งทำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมากขึ้น เช่น สแน็คบาร์ที่มีส่วนผสมจากพืชเพื่อสุขภาพซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น  ปัจจุบันมีลูกอมและหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาลแพร่หลายในตลาด ซึ่งดึงดูดใจผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น รวมทั้งความนิยมอาหารคีโตและไลฟ์สไตล์การบริโภคอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ ผลิตภัณฑ์จากนมจึงกลายเป็นตัวเลือกของตลาดขนมทานเล่นระดับพรีเมียม 

นอกจากนี้ จากการคาดการณ์ของ Statista Consumer Market Outlook  ในปี 2565 สหรัฐอเมริกาสามารถสร้างรายได้มากที่สุดในตลาดขนมทั่วโลกที่ประมาณ 178.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับที่สองและสาม ได้แก่ ญี่ปุ่นและจีน โดยมีรายได้ 176.5 และ 60.75 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ

นปี พ.ศ. 2564 กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมช็อกโกแลตของตลาดขนมหวานทั่วโลกสร้างราคาสูงสุดต่อหน่วยเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ๆ โดยมีมูลค่าประมาณ 12.27 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กลุ่มไอศกรีมมีราคาต่อหน่วยต่ำที่สุด ตามการประมาณการของ Statista Consumer Market Outlook ราคาต่อหน่วยของทุกกลุ่มคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

เมื่อผู้บริโภคตัดสินใจเลือกอย่างมีข้อมูลมากขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ อินเดียและจีน จึงเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้จะเกิดวิกฤตสุขภาพและภาวะถดถอยของโควิด-19 อุตสาหกรรมอาหารยังคงเติบโต โดยของว่างและขนมถือเป็นส่วนสำคัญของแนวโน้มดังกล่าว เพราะผู้บริโภคกำลังมองหาอาหารที่สะดวกสบายเข้ากับไลฟ์สไตล์ โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ พวกเขายินดีจ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับของว่างเพื่อสุขภาพและยั่งยืน อุตสาหกรรมอาหาร จำเป็นต้องเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคและตอบสนองความต้องการเหล่านั้น 

Sources: Statista, Euromonitor, Bloomberg